แกรมของกระดาษจริงๆ แล้วมันคืออะไร 01

แกรมของกระดาษจริงๆ แล้วมันคืออะไร

การเลือกใช้กระดาษ

ทุกวันนี้เราก็มีการใช้กระดาษที่เยอะเป็นอย่างมาก โดยกระดาษที่ได้รับความนิยมสูงสุดแบบตลอดกาลก็คงจะหนีไม่พ้นกระดาษ A4 ถือเป็นมาตรฐานกระดาษที่ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกใช้งานกัน ซึ่งในกระดาษ A4 นี้นั้นหลายๆ คนก็ยังอาจจะไม่ทราบว่ามันจะมีความหนากี่แกรม โดยปกติแล้วกระดาษ A4 ที่เราได้เลือกใช้งานกันก็มักจะเลือกที่ความหนาประมาณ 70-80 แกรม ยิ่งกระดาษมีความหนามากกเท่าไร ก็ตอบไม่ได้ว่ามันจะออกมาโอเคหรือเปล่าขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้กระดาษเพื่อไปจัดทำชิ้นงานแบบไหน

ทำความรู้จักแกรมกระดาษ

สำหรับหลายๆ คนที่ยังไม่รู้ว่า แกรมของกระดาษจริงๆ แล้วมันคืออะไร แกรม คือ น้ำหนักของกระดาษ ที่มีหน่วยวัดเป็นกรัมต่อกระดาษ หรืออาจจะเรียกให้มันเข้าใจง่าย ๆ นั้นก็คือหน่วยที่เรานำเอามาวัดกระดาษ ทำให้เราได้ทราบว่ากระดาษในหนึ่งแผ่นมันมีพื้นที่เท่าไร ความหนาเท่าไร เช่น กระดาษ A4 ที่มีความหนา 350 แกรม ก็หมายถึงกระดาษที่มีน้ำหนักถึง 350 กรัมนั่นเอง

กระดาษและความหนาของกระดาษ

ผู้คนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้กันนั้นก็จะมีความหนาอยู่ที่ประมาณ 70-80 แกรมด้วยกัน ซึ่งก็จะเป็นความหนาที่เหมาะกับงานในด้านเอกสารชนิดต่างๆ  แต่ถ้าหากหนากว่านี้ก็อาจจะเป็นพวกกระดาษการ์ด หรือ กระดาษที่นำมาใช้ทำเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ ในการเลือกใช้กระดาษ เราก็ควรที่จะต้องเลือกให้มันเหมาะสมกับชิ้นงานของเราด้วย แต่หลายคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกันสักเท่าไร ว่าทำไมกระดาษจะต้องมีการวัดความหนา จะต้องรู้ไปทำไมว่ากระดาษ 1 แผ่นนั้นมันกี่แกรม

แกรมของกระดาษจริงๆ แล้วมันคืออะไร 02

ทำไมต้องมีหน่วยวัดกระดาษ

สาเหตุหลักก็เพราะว่าการที่เราจะมานั่งวัดกระดาษทีละแผ่นนั้นมันก็ไม่ไหว เลยทำให้การเลือกใช้หน่วยวัดเข้ามามันก็จะอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้เราสามารถใช้กระดาษได้อย่างสบายใจ และอีกหนึ่งประเด็นที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะสงสัยกันเป็นอย่างมาก ว่าทำไหมการพิมพ์เอกสารชนิดต่างๆ นั้นทำไมจะต้องเลือกใช้กระดาษที่มีความหนาประมาณ 70-80 แกรม โดยกระดาษชนิดนี้นั้นก็จะมีเนื้อกระดาษที่ไม่บางจนเกินไป เขียนแล้วก็ไม่ทะลุ และก็ไม่บางไม่หนาจนเกินไปด้วย เลยทำให้เหมาะกับงานทางด้านเอกสาร ฉะนั้นเวลาที่เราจะเลือกใช้งานกระดาษเราก็ควรที่จะต้องเลือกใช้กระดาษให้มันมีความเหมาะสมให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเราเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและลงตัวมันก็ย่อมจะทำให้การใช้งานของเรามีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้ชิ้นงานออกมาดีและมีคุณภาพ