ไขข้อสงสัย เริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing ต้องใช้ทุนเท่าไหร่?

ไขข้อสงสัย เริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing ต้องใช้ทุนเท่าไหร่?

อยากเริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing แต่ไม่รู้ต้องใช้ทุนเท่าไหร่? บทความนี้มีคำตอบ! พร้อมเคล็ดลับง่ายๆ ในการทำธุรกิจ 3D Printing ให้ประสบความสำเร็จ เริ่มต้นได้เลยวันนี้ ด้วยงบประมาณไม่กี่หมื่นบาท!

เริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing ต้องลงทุนเท่าไหร่กันนะ? ถ้าคุณกำลังสนใจจะก้าวเข้าสู่วงการนี้ละก็ บอกเลยว่ามาถูกทางแล้ว! วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน ไปดูกันเลยดีกว่าว่า ต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ ถึงจะเริ่มต้นทำธุรกิจ 3D Printing ได้ และจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง มาลุยกันเลย!

เงินทุนเริ่มต้นสำหรับธุรกิจ 3D Printing

จริงๆ แล้ว การลงทุนเริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing ไม่ได้แพงเว่อร์อย่างที่หลายคนคิดนะ โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินทุนประมาณ 50,000 – 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของเครื่องปริ้นที่คุณเลือก ยกตัวอย่างเช่น เครื่องปริ้น 3 มิติ ระดับเริ่มต้นสำหรับงานอดิเรกหรือธุรกิจขนาดเล็ก อาจจะอยู่ที่ราว 20,000 – 50,000 บาท ส่วนเครื่องระดับกลางที่มีคุณภาพสูงขึ้นมาหน่อย เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดและความแม่นยำ ก็ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท ไปจนถึงเครื่องระดับมืออาชีพ ที่ราคาสูงกว่า 500,000 บาท สำหรับโรงงานขนาดใหญ่ แต่สำหรับมือใหม่อย่างเรา การเริ่มต้นที่เครื่องระดับเริ่มต้นหรือระดับกลาง ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะมากตั้งแต่แรก เพราะเดี๋ยวเราค่อยๆ เพิ่มศักยภาพไปเรื่อยๆ ตามความต้องการของตลาดและกำลังทรัพย์ที่มี

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึง

นอกจากเงินลงทุนในเครื่องปริ้นแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณต้องเตรียมพร้อมด้วย เช่น

1.วัสดุสำหรับปริ้น 3 มิติ

เช่น พลาสติก ABS , PLA , ไนลอน ซึ่งราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 700 – 2,000 บาท ตามชนิดของวัสดุ

2.ค่าไฟฟ้า

เครื่องปริ้น 3D ส่วนใหญ่จะกินไฟพอสมควร ก็ต้องเผื่อค่าไฟรายเดือนเพิ่มขึ้นด้วยนะ

3.ค่าบำรุงรักษาและอะไหล่

เครื่องปริ้นต้องได้รับการดูแลรักษาสม่ำเสมอ เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงสุด

4.ค่าออกแบบ (ในกรณีรับงานออกแบบ)

ถ้าคุณวางแผนจะรับงานออกแบบชิ้นงานด้วย ก็ต้องคิดค่าดีไซน์เพิ่มเข้าไปอีกนิดหน่อย

5.ค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์

ถ้าต้องส่งชิ้นงานให้ลูกค้า ก็มีค่าส่งของและค่ากล่องหรือซองพลาสติกที่ต้องจ่ายเพิ่ม โดยรวมแล้ว นอกจากเงินลงทุนในเครื่องปริ้นตั้งต้นแล้ว คุณควรเผื่องบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เหล่านี้อีกราว 30-50% ของเงินลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่ามีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

ม้วนเส้นพลาสติกสำหรับเครื่องพิมพ์ 3 มิติหลากสี เรียงกันเป็นแถว สื่อถึงวัสดุหลากหลายที่ใช้ในงานพิมพ์ 3 มิติ

ทำไมถึงควรเลือกลงทุนในธุรกิจ 3D Printing

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องเป็น 3D Printing ล่ะ? เหตุผลหลักๆ เลยก็คือ

  1. เป็นเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตและมีอนาคตที่สดใส ตลาดมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 
  2. สามารถสร้างชิ้นงานที่มีความซับซ้อนและรูปทรงที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดี 
  3. ต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าวิธีการผลิตแบบเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตชิ้นงานจำนวนน้อย 
  4. ปรับเปลี่ยนและแก้ไขดีไซน์ได้ง่าย ทำให้สามารถทดลองไอเดียใหม่ๆ และสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว 
  5. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะเหลือวัสดุทิ้งน้อยกว่า และบางวัสดุก็รีไซเคิลได้ด้วย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็อยากจะลองเปิดธุรกิจ 3D Printing ดูสักตั้ง

บทความแนะนำ : 10 ไอเดียสร้างรายได้จาก 3D Printing ด้วยแนวคิดสุดสร้างสรรค์

ชิ้นงานพิมพ์ 3 มิติทรงกลมสีเขียวพาสเทล มีตัวอักษร 'A' พิมพ์สีทองอยู่ตรงกลาง สื่อถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีรายละเอียดและความปราณีตในการพิมพ์ 3 มิติ เหมาะสำหรับการผลิตของตกแต่งหรือชิ้นงานเฉพาะทาง

เริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing ได้ง่ายๆ แค่ไม่กี่ขั้นตอน

ถ้าคุณพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่วงการ 3D Printing ต่อไปนี้คือขั้นตอนง่ายๆ ในการเริ่มต้น

  1. ศึกษาตลาดและคู่แข่ง ดูว่ามีใครทำธุรกิจคล้ายๆ กันบ้างไหม เขามีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร และเรามีอะไรที่จะทำให้แตกต่างและโดดเด่นกว่าคนอื่นได้บ้าง
  2. กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ใครคือคนที่จะซื้อสินค้าหรือบริการจากเรา มีความต้องการอะไร และเราจะเข้าถึงพวกเขาได้อย่างไร
  3. เลือกเครื่องปริ้นและวัสดุให้เหมาะกับงาน โดยพิจารณาจากคุณภาพ ความเร็ว ขนาดชิ้นงาน และงบประมาณที่มี
  4. หาพื้นที่ตั้งร้านหรือออฟฟิศที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่สะดวกในการขนส่งและเข้าถึงลูกค้า
  5. จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อให้ธุรกิจถูกต้องและน่าเชื่อถือ
  6. ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ บอกให้ทุกคนรู้ว่าเรามาแล้ว! ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือออฟไลน์ เช่น ใบปลิว ป้ายโฆษณา
  7. เริ่มต้นผลิตและขายสินค้า ทำงานด้วยใจรักและมุ่งมั่น เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าของเรา

เห็นไหมล่ะ ว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจ 3D Printing ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังใช้เงินทุนไม่มากอีกต่างหาก คุณก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจเทคโนโลยีอนาคตไกลได้แล้ววันนี้!

เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ 3D Printing มากขึ้น หรือมีไอเดียอยากปรึกษา สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญ 3D Printing ที่ Akiyoshi-tanaka  เรายินดีให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปพร้อมๆ กับวงการ 3D Printing ในอนาคต มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้วยกันนะ!

สรุป

การเริ่มต้นธุรกิจ 3D Printing นั้นไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพียงแค่มีเงินทุนเริ่มต้นประมาณ 50,000 – 100,000 บาท ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้แล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่เลือกใช้ รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการพิมพ์ด้วย นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ และค่าแรงพนักงาน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ 3D Printing ถือเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส เนื่องจากเทคโนโลยีนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายในหลายอุตสาหกรรม ดังนั้น หากใครที่สนใจอยากลงทุนทำธุรกิจ 3D Printing ก็ไม่ควรพลาดโอกาสนี้

หากคุณพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่โลกของธุรกิจ 3D Printing ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและวางแผนให้ดี รับรองว่าคุณจะสามารถสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ติดตามบทความดีๆ เกี่ยวกับ 3D Printing ได้ที่นี่ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันด้วยนะ!